แสดงกระทู้ - สมบัติ สูตรไชย
กระดานสนทนาธรรม

ที่พักสงฆ์ป่าสามแยก บ้านห้วยยางทอง ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ 67260


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - สมบัติ สูตรไชย

หน้า: 1 ... 3 4 [5]
61

ทางของคนเสื่อม. 46-309
[๓๐๔] ข้าพระองค์มา เพื่อจะทูลถามถึงผู้เสื่อม และคนผู้เจริญ
กะท่านพระโคดมจึงขอทูลถามว่า อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า

ผู้รู้ดี        เป็นผู้เจริญ        ผู้รู้ชั่ว           เป็นผู้เสื่อม
ผู้ใคร่ธรรม เป็นผู้เจริญ        ผู้เกลียดธรรม  เป็นผู้เสื่อม  เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑.


ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าขอพระองค์จงตรัสบอก คนเสื่อมที่ ๒ อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.
คนมี อสัตบุรุษเป็นที่รัก ไม่กระทำ สัตบุรุษให้เป็นที่รัก ชอบใจธรรมของ อสัตบุรุษ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม   
                                                                  เพราะเหตุนั้นแล เราจึงทราบข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๒.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๓ อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.
คนใด ชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่นเกียจคร้าน โกรธง่าย   ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม                                 
                                                                  เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๓.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๔ อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.
คนใดสามารถ แต่ไม่เลี้ยงมารดาหรือบิดาผู้แก่เฒ่า ผ่านวัยหนุ่มสาวไปแล้ว ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
                                                                   เพราะเหตุนั้นแลเราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๔.

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 311

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๕ อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.
คนใดลวงสมณะพราหมณ์ หรือแม้ วณิพกอื่นด้วยมุสาวาท ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
                                                                    เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๕.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๖ อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.
คนมีทรัพย์มาก มีเงินทองของกินกินของอร่อยแต่ผู้เดียว ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
                                                                     เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๖.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๗ อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.
คนใดหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์ และหยิ่งเพราะโคตร ย่อมดูหมิ่นญาติของตน ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
                                                                      เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่าความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๗.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 312

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๘ อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.
คนใดเป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา และเป็นนักเลงการพนันผลาญทรัพย์ที่ตนหามาได้ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
                                                                       เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่าความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๘.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๙ อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.
คนไม่สันโดษด้วยภริยาของตนประทุษร้ายในภริยาของคนอื่นเหมือนประทุษร้ายในหญิงแพศยา ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
                                                                        เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่าความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๙.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๐ อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.
ชายแก่ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยาย่อมนอนไม่หลับ เพราะความหึงหวงหญิงรุ่นสาวนั้น ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
                                                                         เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่าความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑๐.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่๑๑ อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.
คนใดตั้งหญิงนักเลงสุรุ่ยสุร่าย หรือแม้ชายเช่นนั้นไว้ในความเป็นใหญ่ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
                                                                          เพราะเหตุนั่น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑๑.

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๒ อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.
ก็บุคคลผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ มีโภคทรัพย์น้อย มีความมักใหญ่ ปรารถนาราชสมบัติ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม.

บัณฑิตผู้ถึงพร้อมด้วยความเห็นอันประเสริฐ พิจารณาเห็นคนเหล่านี้ เป็นผู้เสื่อมในโลก ท่านย่อมคบโลกที่เกษม (คนผู้เจริญ).

จบปราภวสูตรที่ ๖
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 314




62

การเล่าเรียนมี ๓ อย่าง(เล่ม11หน้า102)
จริงอยู่ การเล่าเรียนมี ๓ อย่าง คือ
อลคัททูปมา  ปริยัติ การเล่าเรียนเหมือนจับงูข้างหาง
นิสสรณัตถ   ปริยัติ การเล่าเรียนมีวัตถุประสงค์เพื่อออกไป
ภัณฑาคาริก ปริยัติ การเล่าเรียนของพระอรหันต์เปรียบด้วยขุนคลัง.

ในปริยัติ ๓ ประเภทนั้น ปริยัติใด
ที่บุคคลเรียนผิดทาง คือ เรียนเพราะเหตุมีติเตียนผู้อื่น เป็นต้น 
ปริยัตินี้ ชื่อ อลคัททูปมา ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมุ่งหมายตรัสไว้ว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บุรุษผู้ต้องการงู แสวงหางู เที่ยวค้นหางู เขาพึงพบงูใหญ่ พึงจับขนด หรือจับทางงูนั่นนั้น
งูนั้นพึงเลี้ยวกลับมากัดมือหรือแขน หรืออวัยวะน้อยใหญ่ที่ใดที่หนึ่งของบุรุษนั้น บุรุษนั้นพึงถึงตายหรือทุกข์ปางตาย เพราะการถูกงูกัดนั้นเป็นเหตุ

ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข้อนั้นเป็นเพราะเขาจับงูผิดวิธี ฉันใด

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
โมฆบุรุษบางพวกในศาสนานี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ย่อมเล่าเรียนธรรมคือ สุตตะ เคยยะ ฯ ล ฯ เวทัลละ โมฆบุรุษเหล่านั้นครั้นเล่าเรียนธรรมนั้นแล้ว ไม่พิจารณาเนื้อความของธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญา เมื่อโมฆบุรุษเหล่านั้นไม่พิจารณาเนื้อความด้วยปัญญา ธรรมเหล่านั้นย่อมไม่ทนต่อการเพ่งพินิจ โมฆบุรุษเหล่านั้น
มีวัตถุประสงค์เพื่อติเตียนผู้อื่น และมีวัตถุประสงค์เพื่อเปลื้องตนจากการกล่าวร้ายนั้น ๆ จึงเล่าเรียนธรรม
โมฆบุรุษเหล่านั้น เล่าเรียนธรรมเพื่อประโยชน์แห่งธรรมใด ย่อมไม่ได้ประโยชน์แห่งธรรมนั้น ธรรมเหล่านั้น ที่โมฆบุรุษ
เหล่านั้นเรียนผิดทาง ย่อมเป็นไปเพื่ออันตรายอันไม่เกื้อกูล เพื่อความทุกข์ตลอดกาลนาน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข้อนั้นเป็นเพราะธรรมทั้งหลายอันโมฆบุรุษเหล่านั้นเรียนผิดทาง ดังนี้.

หน้า: 1 ... 3 4 [5]