กระดานสนทนาธรรม

กระดานกิจกรรมเด็กวัด (สำหรับบุคคลทั่วไป) => คุยได้ฟังดีกับบรรดาสมาชิกวัด => ข้อความที่เริ่มโดย: สมบัติ สูตรไชย ที่ ตุลาคม 31, 2019, 08:48:26 PM

หัวข้อ: มีสินค้าสะสมมาตลอด ๑๒ ปี ขายไม่ออก ชฎิลกุมารนั้นขายสินค้า หมดในวันเดียว นี่เป็นฤทธิ์ของผู้มีบุญนั้น เล่ม69-757
เริ่มหัวข้อโดย: สมบัติ สูตรไชย ที่ ตุลาคม 31, 2019, 08:48:26 PM

บทว่า ชฏิลสฺส คหปติสฺส ปุญฺญวโต อิทฺธิ ฤทธิ์ของชฎิลคหบดีผู้มีบุญ คือ
เศรษฐีในเมืองตักกศิลาสะสมบุญ สร้างธาตุเจดีย์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ชื่อชฎิล.
นัยว่า
มารดาของชฎิลนั้นเป็นธิดาของเศรษฐี ในกรุงพาราณสีมีรูปสวยยิ่งนัก.
เมื่อธิดามีอายุได้ ๑๕-๑๖ ปี มารดาบิดาให้นางอยู่บนพื้นบนของปราสาท ๗ ชั้นเพื่อดูแล.
วันหนึ่ง
วิชาธรเหาะไปทางอากาศเห็นนางเปิดหน้าต่างมองดูภายนอกเกิดสิเนหา
จึงเข้าไปทางหน้าต่าง ทำสันถวะกับนาง. นางจึงตั้งครรภ์ด้วยเหตุนั้น.
ลำดับนั้น
ทาสีเห็นนางจึงถามว่า นี่อะไรกันแม่.
นางกล่าวว่า อย่าเอ็ดไป เจ้าอย่าบอกใคร ๆ เป็นอันขาด.
ทาสีก็นิ่งเพราะความกลัว. ครบ๑๐ เดือน นางก็คลอดบุตร
ให้ทาสีนำภาชนะใหม่มาให้ทารกนอนบนภาชนะนั้นแล้วปิดภาชนะนั้นเสีย
วางพวงดอกไม้ไว้ข้างบนสั่งทาสีว่า เจ้าจงยกภาชนะนี้
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ 758
เทินศีรษะไปทิ้งที่แม่น้ำคงคา เมื่อผู้คนถามว่า นี้อะไร เจ้าพึงบอกว่าเป็นพลีกรรมของแม่เจ้าของฉัน.
ทาสีได้ทำตามนั้น.
ที่แม่น้ำคงคาทางใต้น้ำหญิงสองคนอาบน้ำอยู่เห็นภาชนะนั้น ลอยน้ำมา
คนหนึ่งพูดว่า นั่นภาชนะของฉัน
คนหนึ่งกล่าวว่า สิ่งที่อยู่ภายในภาชนะนั้นเป็นของฉัน
เมื่อภาชนะลอยมาถึง หญิงคนหนึ่งแบกภาชนะนั้นมาวางไว้บนบก
ครั้นเปิดออกเห็นทารกจึงกล่าวว่า
ทารกต้องเป็นของฉัน เพราะเธอพูดว่า ภาชนะเป็นของฉัน.
หญิงคนหนึ่งพูดว่า ทารกเป็นของฉันเพราะเธอพูดว่า สิ่งที่อยู่ภายในภาชนะนั้นเป็นของฉัน .
หญิงทั้งสองนั้นเถียงกัน พากันไปศาลเมื่อผู้พิพากษาไม่อาจตัดสินได้ ได้พากันไปเฝ้าพระราชา.
พระราชาทรงสดับคำของหญิงทั้งสองนั้นแล้วตรัสสั่งว่า เจ้าจงรับทารกไป เจ้าจงรับภาชนะไป
หญิงที่ได้ทารกไปเป็นอุปัฏฐากของพระมหากัจจายนเถระ.

นางเลี้ยงดูทารกนั้นด้วยหวังว่าจะให้บวชในสำนักของพระเถระ.
ในวันที่ทารกนั้นคลอด เพราะไม่ล้างมลทินของครรภ์แล้วนำออกไป ผมจึงยุ่ง ด้วยเหตุนั้น จึงมีชื่อว่า ชฎิล.

เมื่อทารกนั้นเดินได้ พระเถระเข้าไปบิณฑบาตยังเรือนนั้น.
อุบาสิกานิมนต์พระเถระให้นั่งแล้วถวายอาหาร.
พระเถระเห็นทารก จึงถามว่า อุบาสิกา ท่านได้ทารกมาหรือ.
นางตอบว่า เจ้าค่ะ ดิฉันเลี้ยงดูมาด้วยหวังว่าจะให้บวชในสำนักของพระคุณท่านเจ้าค่ะ.
พระเถระรับว่าดีละ แล้วพาทารกนั้นไปตรวจดูว่าทารกนี้จะมีบุญกรรมเพื่อเสวยสมบัติของคฤหัสถ์ไหมหนอ
คิดว่า สัตว์ผู้มีบุญจักได้เสวยมหาสมบัติตอนเป็นหนุ่มก่อน
แม้ญาณของเขาก็ยังไม่แก่กล้าพอ จึงพาทารกนั้นไปเรือนของอุปัฏฐาก คนหนึ่งในเมืองตักกศิลา.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ 759
อุปัฏฐากนั้นยืนไหว้พระเถระเห็นทารกจึงถามว่าได้ทารกมาหรือ
พระเถระตอบว่า ถูกแล้วอุบาสก ทารกนี้จักบวช แต่ยังหนุ่มนักขอให้อยู่กับท่านไปก่อน
อุบาสกรับว่าดีแล้วพระคุณท่าน จึงตั้งทารกนั้นไว้ในฐานะบุตรประคับประคองอย่างดี

อนึ่ง
ในเรือนของอุปัฏฐากนั้น มีสินค้าสะสมมาตลอด ๑๒ ปี
อุปัฏฐากนั้นไปในระหว่างบ้านนำสินค้านั้นทั้งหมดไปตลาดบอกราคาของสินค้านั้นแก่ชฎิลกุมารแล้วกล่าวว่า เจ้าพึงรับทรัพย์เท่านี้ ๆ
แล้วให้ไปในวันนั้น เทวดาผู้รักษานครบันดาลให้ผู้มีความต้องการโดยที่สุด แม้ยี่หร่าและพริกให้มุ่งหน้าไปตลาดของชฎิลกุมารนั้น
ชฎิลกุมารนั้นขายสินค้าที่สะสมมาตลอด๑๒ ปี หมดในวันเดียวเท่านั้น

กุฎุมพีมาไม่เห็นอะไร ๆ ในตลาด จึงพูดว่า พ่อคุณ เจ้าทำสินค้าหายไปหมดแล้วหรือ
ชฎิลกุมารบอกไม่หายดอกพ่อ ฉันขายหมดตามที่พ่อสั่งไว้ว่าของอย่างโน้นราคาเท่านี้ ของอย่างนี้ราคาเท่านั้น
เพราะเหตุนั้น สินค้าทั้งหมดจึงได้ตามราคา

กุฎุมพีเลื่อมใสคิดว่าชายที่หาค่ามิได้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ไม่ว่าในกาลไหน ๆ
จึงยกลูกสาวของตนซึ่งเจริญวัยแล้วให้แก่เขาแล้ว สั่งคนงานว่าจงสร้างเรือนให้ชฎิลกุมาร
เมื่อสร้างเรือนเสร็จจึงกล่าวว่า เจ้าทั้งสองจงไปอยู่ที่เรือนของตนเถิด

ในขณะที่เขาเข้าเรือนพอเท้าข้างหนึ่งเหยียบธรณีประตู
สุวรรณบรรพตประมาณ ๘๐ ศอก ผุดขึ้นในพื้นที่ส่วนหลังสุดของเรือน
นี้ว่าพระราชาทรงสดับว่า สุวรรณบรรพตผุดขึ้นทำลายพื้นที่ในเรือนของชฎิล
จึงทรงส่งเศวตฉัตรไปให้ชฎิลนั้น ชฎิลนั้นจึงได้ชื่อว่า ชฎิลเศรษฐี
นี่เป็นฤทธิ์ของผู้มีบุญนั้น.