กระดานสนทนาธรรม

กระดานกิจกรรมเด็กวัด (สำหรับบุคคลทั่วไป) => คุยได้ฟังดีกับบรรดาสมาชิกวัด => ข้อความที่เริ่มโดย: สมบัติ สูตรไชย ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2017, 11:30:29 PM

หัวข้อ: บุคคลผู้ไม่ตระหนี่ ควรทำเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้เป็นอารมณ์แล้วพึงให้ทาน เล่ม 49 หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: สมบัติ สูตรไชย ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2017, 11:30:29 PM

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 31
อรรถกถาปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุที่ ๔
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร กรุงสาวัตถี
ทรงปรารภทานของท่านอนาถปิณฑิกคฤหบดี ได้ตรัสคำนี้
เริ่มต้นว่า ยงฺกิญฺจารมฺมณํ กตฺวา ดังนี้ :-

ได้ยินว่า
พี่เลี้ยงของเด็กหญิง ธิดาของลูกสาวท่าน อนาถปิณฑิกคฤหบดี ได้ให้ตุ๊กตาแป้งด้วยสั่งว่า นี้ลูกสาวของเจ้าเจ้าจงอุ้มมันไปเล่นเถอะ.
เด็กหญิงนั้นเกิดความเข้าใจในตุ๊กตาแป้งนั้นว่า เป็นลูกสาว.

ครั้นวันหนึ่ง
เมื่อเธออุ้มตุ๊กตานั้นเล่น ตุ๊กตาตกแตก เพราะความเลินเล่อ.
แต่นั้นเด็กหญิงจึงร้องร่ำไห้ ลูกสาวเราตายแล้ว.
เธอกำลังร้องไห้อยู่ คนในเรือนบางคน ก็ไม่สามารถจะชี้แจงให้เธอเข้าใจได้.

ก็สมัยนั้น
พระศาสดาประทับนั่งบนปัญญัตาอาสน์ ในเรือนของท่านอนาถปิณฑิกคฤหบดี. และท่านมหาเศรษฐี ก็ได้นั่งอยู่ ณ ที่ใกล้พระผู้มีพระภาคเจ้า.

หญิงพี่เลี้ยงได้พาเด็กหญิงนั้นไปหาท่านเศรษฐี.
ท่านเศรษฐีเห็นเข้า จึงกล่าวว่าเด็กหญิงนี้ร้องไห้ เพื่ออะไรกัน.
พี่เลี้ยงได้แจ้งเรื่องนั้นแก่ท่านเศรษฐีแล้ว.
เศรษฐีได้ให้เด็กหญิงนั้น นั่งบนตักแล้วให้เข้าใจว่าฉันจะให้ทานอุทิศแก่ลูกของหนู ดังนี้แล้วจึงกราบทูลแต่พระศาสดาว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ปรารถนาจะให้ทาน
อุทิศแก่ตุ๊กตาแป้ง ซึ่งเป็นลูกสาวของหลาน ของข้าพระองค์,
ขอพระองค์พร้อมด้วยภิกษุ ๕๐๐ รูป จงรับทานนั้นของข้าพระองค์ในวันพรุ่งนี้
เถิด. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับนิมนต์ด้วยดุษณีภาพ.

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 32
ครั้นในวันที่สอง
พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยภิกษุ ๕๐๐ รูปเสด็จไปยังเรือนของท่านเศรษฐี
เสวยพระกระยาหารแล้ว เมื่อจะทำอนุโมทนา
จึงได้ภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
บุคคลผู้ไม่ตระหนี่ ควรทำเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
ปรารภถึงบุรพเปตชน
เทวดาผู้สิงอยู่ในเรือน หรือ
ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ผู้รักษาโลกผู้มียศ คือ
ท้าวธตรฐ ๑
วิรุฬหก ๑
วิรูปักษ์ ๑ และ
ท้าวกุเวร ๑ ให้เป็นอารมณ์แล้วพึงให้ทาน
ท่านเหล่านั้นเป็นผู้อันบุคคลบูชาแล้ว ทั้งทายกก็ไม่ไร้ผล

ความร้องไห้ ความเศร้าโศกหรือความร่ำไห้อย่างอื่น ไม่ควรทำเลย
เพราะความร้องไห้เป็นต้นนั้น ไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว
ญาติทั้งหลาย คงตั้งอยู่ตามธรรมดาของตน ๆอันทักษิณาทานนี้
ที่ท่านเข้าไปตั้งไว้ดีแล้วในพระสงฆ์ให้แล้ว ย่อมสำเร็จประโยชน์
โดยฉับพลัน แก่บุรพเปตชนนั้น สิ้นกาลนาน.