กระดานสนทนาธรรม

กระดานกิจกรรมเด็กวัด (สำหรับบุคคลทั่วไป) => คุยได้ฟังดีกับบรรดาสมาชิกวัด => ข้อความที่เริ่มโดย: สมบัติ สูตรไชย ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2017, 03:36:32 PM

หัวข้อ: (กล่าวสรรเสริญพระสัพพัญญูแค่6ข้อบุญก็ได้ไม่น้อย) ในกัปที่สามหมื่น เราได้สรรเสริญ พระญาณใด ด้วยการสรรเสริญนั้น เราไม่รู้จัก ทุคติเลยว่าด้วยผลแห่งการสรรเสริญพระพุทธญาณ เล่ม72หน้า122
เริ่มหัวข้อโดย: สมบัติ สูตรไชย ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2017, 03:36:32 PM
ญาณถวิกเถราปทานที่ ๔ (๔๘๕)
ว่าด้วยผลแห่งการสรรเสริญพระพุทธญาณ
[๗๔] เราสร้างอาศรมอย่างสวยงามไว้ ณ ทิศทักษิณแห่งภูเขาหิมวันต์
ครั้งนั้น เราเสาะหาประโยชน์อันสูงสุด จึงอยู่ในป่าใหญ่
เรายินดีด้วยลาภและความเสื่อมลาภ คือ ด้วยเหง้ามันและผลไม้ ไม่เบียดเบียนใคร ๆ เที่ยวไป เราอยู่คนเดียว
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้าที่ 123
ครั้งนั้น พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธะ
เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก พระองค์กำลังรื้อขนมหาชน
ทรงประกาศสัจจะอยู่เรามิได้สดับข่าวพระสัมพุทธเจ้า
ถึงใคร ๆ ที่จะบอกกล่าวให้เรารู้ก็ไม่มี

เมื่อล่วงไปได้ ๘ ปี
เราจึงได้สดับข่าวพระนายกของโลก
เรานำเอาไฟและฟืนออกไปเสียแล้ว
กวาดอาศรม ถือเอาหาบสิ่งของออกจากเตาไป

ครั้งนั้นเราพักอยู่ในบ้านและนิคมแห่งละคืน เข้าไปใกล้พระนครจันทวดีโดยลำดับ
สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้นำของโลกพระนามว่า สุเมธะ
กำลังรื้อขนสัตว์เป็นอันมาก ทรงแสดงอมตบท
เราได้ผ่านหมู่ชนไปถวายบังคมพระชินเจ้าผู้เสด็จมาดี

ทำหนังสัตว์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง แล้วสรรเสริญพระผู้นำของโลกว่า
1.พระองค์เป็นพระศาสดาประหนึ่งยอดเป็นธงชัย และ เป็นเสายัญของหมู่สัตว์
เป็นที่ยึดหน่วง เป็นที่พึ่ง และเป็นเกาะของหมู่สัตว์ เป็นผู้สูงสุดกว่าสัตว์.
จบภาณวารที่ ๒๑

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้าที่ 124

2.พระองค์เป็นผู้ฉลาด เป็นนักปราชญ์ในทัศนะ ทรงช่วยประชุมชนให้ข้ามพ้นไปได้
ข้าแต่พระมุนี ผู้อื่นที่จะช่วยให้สัตว์ข้ามพ้นไปยิ่งไปกว่าพระองค์ ไม่มีในโลก

3.สาครแสนลึกสุด ก็พึงอาจที่จะประมาณได้ด้วยปลายหญ้าคา
ข้าแต่พระสัพพัญญู ส่วนพระญาณของพระองค์ ใคร ๆ ไม่อาจจะประมาณได้เลย

4.แผ่นดิน ก็อาจที่จะวางบนตาชั่งแล้วกำหนดได้
ข้าแต่พระองค์ผู้มีจักษุ แต่สิ่งที่เสมอกับพระปัญญาของพระองค์ไม่มีเลย

5.อากาศก็อาจจะวัดได้ด้วยเชือกและนิ้วมือข้าแต่พระสัพพัญญู
ส่วนศีลของพระองค์ ใคร ๆไม่อาจจะประมาณได้เลยน้ำในมหาสมุทร

6.อากาศและภูมิภาค ๓อย่างนี้ประมาณเอาได้
ข้าแต่พระองค์ผู้มีจักษุพระองค์ย่อมเป็นผู้อันใคร ๆ จะประมาณเอาไม่ได้เลย

เรากล่าวสรรเสริญพระสัพพัญญู ผู้มีพระยศใหญ่ ด้วยคาถา ๖ คาถาแล้ว
ประนมกรอัญชลี ยืนนิ่งอยู่ในเวลานั้น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้าที่ 125
พระพุทธเจ้าผู้มีพระปัญญาเสมอด้วย
แผ่นดิน เป็นเมธีชั้นดี เขาขนานพระนามว่า สุเมธะ.
ประทับนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์แล้ว
ได้ตรัสพระคาลาเหล่านี้ว่า ผู้ใดมีใจเลื่อมใส ได้
กล่าวสรรเสริญญาณของเรา เราจักพยากรณ์ผู้นั้น
ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว
ผู้นี้จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลก ๗๗ กัป
จักเป็นจอมเทวดาเสวยราชสมบัติอยู่ในเทวโลก๑,๐๐๐ ครั้ง
จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเกินกว่าร้อยครั้ง
และจักได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ โดยคณานับมิได้
เขาเป็นเทวดาหรือมนุษย์ จักเป็นผู้ตั้งมั่นในบุญกรรม
จักเป็นผู้ความดำริแห่งใจไม่บกพร่อง มีปัญญากล้า

ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ พระศาสดามีพระนามว่า โคดม
จักทรงสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราชจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ผู้นี้ไม่มีความกังวล ออกบวชเป็นบรรพชิต จักบรรลุพระอรหัตแต่อายุ ๗ ขวบ ใน
ระหว่างเวลาที่เราระลึกถึงคน และได้บรรลุศาสน-
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้าที่ 126
ธรรม เจตนาที่ไม่น่ารื่นรมย์ใจ เราไม่รู้จักเลย
เราท่องเที่ยวไปเสวยสมบัติในภพน้อยภพใหญ่
ความบกพร่องในโภคทรัพย์ไม่มีแก่เราเลย นี้เป็นผลในการสรรเสริญพระญาณ
ไฟ ๓ กองเราดับสนิทแล้ว เราถอนภพทั้งปวงขึ้นหมดแล้ว เราเป็นผู้สิ้นอาสวะทุกอย่าง
แล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีกในกัปที่สามหมื่น เราได้สรรเสริญ
พระญาณใด ด้วยการสรรเสริญนั้น เราไม่รู้จัก
ทุคติเลย นี้ก็เป็นผลแห่งการสรรเสริญพระญาณ
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน
ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระญาณถวิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบญาณถวิกเถราปทาน