กระดานสนทนาธรรม

กระดานกิจกรรมเด็กวัด (สำหรับบุคคลทั่วไป) => คุยได้ฟังดีกับบรรดาสมาชิกวัด => ข้อความที่เริ่มโดย: สมบัติ สูตรไชย ที่ ตุลาคม 31, 2019, 08:04:08 PM

หัวข้อ: ฤทธิ์ของท่านผู้มีบุญ โชติกเศรษฐี เล่ม69หน้า756
เริ่มหัวข้อโดย: สมบัติ สูตรไชย ที่ ตุลาคม 31, 2019, 08:04:08 PM

ฤทธิ์ของท่านผู้มีบุญ โชติกเศรษฐี 69-756
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ 756
บทว่า โชติยสฺส คหปติสฺส ปุญฺญวโต อิทฺธิ ฤทธิ์ของโชติยคหบดีผู้มีบุญ คือ
เศรษฐีในกรุงราชคฤห์ ผู้สะสมบุญญาธิการไว้ในพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายในก่อน ชื่อว่า โชติกะ.

ได้ยินว่า
ในเวลาที่โชติกะนั้นเกิดสรรพาวุธในนครทั้งสิ้นลุกโพลง
แม้เครื่องอาภรณ์ที่แต่งไว้ในกายของชนทั้งปวงก็เปล่งแสงสว่างดุจลุกโพลง
นครได้มีแสงสว่างรุ่งโรจน์เป็นอันเดียวกัน

ลำดับนั้น
ในวันที่ตั้งชื่อกุมารนั้นจึงชื่อว่า โชติกะ เพราะนครทั้งสิ้นรุ่งโรจน์เป็นอันเดียวกัน
ครั้นโชติกะเจริญวัย เมื่อชำระพื้นที่เพื่อสร้างเรือน
ท้าวสักกเทวราช เสด็จมาปรับพื้นดิน ในที่ประมาณ ๑๖ กรีส
สร้างปราสาท ๗ ชั้น สำเร็จด้วยแก้ว ๗ ประการ
สร้างกำแพง ๗ ชั้น ประกอบด้วยซุ้มประตู ๗ ซุ้ม สำเร็จด้วยแก้ว ๗ ประการ
ในท้ายกำแพงปลูกต้นกัลปพฤกษ์ไว้ ๖๔ ต้นใน ๔ มุมของปราสาท
ฝังหม้อขุมทรัพย์ประมาณโยชน์หนึ่ง ๓ คาวุต ๒ คาวุต๑ คาวุต ใน ๔ มุมของปราสาท
ต้นอ้อย สำเร็จด้วยทองคำ ๔ ต้นประมาณเท่าลำตาลอ่อนเกิดขึ้น
ใบของต้นอ้อยเหล่านั้นสำเร็จด้วยแก้วมณี ข้อสำเร็จด้วยทองคำ
ที่ซุ้มประตูทั้ง ๗  ซุ้มหนึ่ง ๆ มียักษ์ ๗ ตนมีบริวารตนละ ๑,๐๐๐
๒,๐๐๐ ๓,๐๐๐ ๔,๐๐๐ ๕,๐๐๐ ๖,๐๐๐ ๗,๐๐๐ คอยอารักขา.


พระเจ้าพิมพิสารมหาราช ทรงสดับถึงการสร้างปราสาทเป็นต้นแล้ว
จึงทรงส่งเศวตฉัตรของเศรษฐีไปให้ เศรษฐีนั้นจึงชื่อว่า โชติกเศรษฐี
เป็นผู้ปรากฏไปทั่วชมพูทวีป เสวยมหาสมบัติอยู่ ณ ปราสาทนั้นกับภริยาซึ่ง เทวดาทั้งหลายนำมาจาก อุตตรกุรุทวีป
แล้วให้นั่งเหนือห้องอันเป็นสิริซึ่งถือเอาข้าวสารทะนานหนึ่งและแผ่นหินให้เกิดไฟ ๓ แผ่นมาด้วย
ภัตรย่อมเพียงพอแก่เขาด้วยข้าวสารทะนานหนึ่งตลอดชีวิต

ได้ยินว่า
หากชนทั้งหลายประสงค์จะบรรทุกข้าวสารลงในเกวียน ๑๐๐ เล่ม
ทะนานข้าวสารนั้นแหละก็ยังตั้งอยู่ ในเวลาหุงข้าว
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ 757
ใส่ข้าวสารลงในหม้อข้าวแล้ววางไว้ข้างบนแผ่นหินเหล่านั้น แผ่นหินก็จะลุกเป็นไฟขึ้นทันที
เมื่อข้าวสุกก็ดับ ด้วยสัญญาณนั้น ชนทั้งหลายก็รู้ว่าข้าวสุกแล้ว.
แม้ในเวลาแกงเป็นต้น ก็มีนัยนี้เหมือนกัน.
อาหารของชนเหล่านั้นย่อมหุงต้มด้วยหินให้เกิดไฟอย่างนี้

ชนทั้งหลายย่อมอยู่ด้วยแสงสว่างแห่งแก้วมณี ย่อมไม่รู้จักแสงสว่างของไฟหรือของประทีป.
โชติกเศรษฐีได้ปรากฏไปทั่วชมพูทวีปว่า มีสมบัติถึงปานนี้ มหาชนขึ้นยานเป็นต้น มาเพื่อจะเห็น.
โชติกเศรษฐีให้ภัตตาหารแห่งข้าวสารจากอุตตกุรุทวีปแก่คนที่มาแล้ว ๆ
สั่งว่า ชนทั้งหลายจงถือเอาผ้าและอาภรณ์จากต้นกัลปพฤกษ์เถิด
สั่งว่า ชนทั้งหลายจงเปิดปากหม้อขุมทรัพย์ คาวุตหนึ่งแล้วถือเอาให้เพียงพอ.
เมื่อชาวชมพูทวีปทั้งสิ้นถือเอาทรัพย์ไป หม้อขุมทรัพย์ก็มิได้พร่องแม้เพียงองคุลี
นี้เป็นฤทธิ์ของท่านผู้มีบุญนั้น.

[/size]